Friday, September 22, 2006

การแข่งขันคาราเต้-โด ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย


All Thailand Karate-do Championship 2006
เริ่มการแข่งขันในวันที่ 23 - 24 กันยายน 2549
ตั้งแต่เวลา 8.00-18.00 น.
ณ ศูนย์กีฬาในร่ม อาคาร 9 ชั้น 12
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
แบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. การแข่ขันคาราเต้-โด ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย
ระดับเยาวชน ประจำปี 2549
(All Thailand Karate-do Junior Championship 2006)
2. การแข่ขันคาราเต้-โด ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย
ระดับประชาชน ประจำปี 2549
(All Thailand Karate-do Senior Champioship 2006)

**ขอให้ทุกคนโชคดี.."ความสำเร็จหนีไม่พ้นคนตั้งใจ..สู้ๆ"..นำเหรียญมาฝากเยอะๆนะ ขอเป็นกำลังใจให้ อยากไปเหมือนกันแต่ติดภาระกิจสำคัญ ฝากสมาชิกประมวลภาพบรรยากาศการแข่งขัน เพื่อนำขึ้น board ต่อไป...ด้วยความขอบคุณ**

Thursday, September 21, 2006

ระเบียบการ

1. เปิดรับสมัครนักเรียน, นิสิต/นักศึกษา และบุคคลทั่วไป ชาย-หญิง อายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป
2. สามารถเลือกรอบและเวลาเรียนตามที่ต้องการ 2 ครั้ง/สัปดาห์
3. เมื่อมีเวลาเรียนครบตามกำหนด ไม่น้อยกว่า 60 ชั่วโมง สามารถมีสิทธิเข้าสอบเลื่อนสายตามลำดับขั้น และต้องไม่ค้างชำระค่าเรียน
4. หากติดภาระกิจไม่สามารถเข้าเรียนกรุณาแจ้งล่วงหน้า มิฉะนั้นจะถือว่าสละสิทธิ์ ไม่สามารถนำมาชดเชยในเดือนถัดไปได้
5. ชุดฝึกของนักกีฬาจะต้องมีตราประจำยิมส์ ติดที่แขนเสื้อด้านซ้าย

แผนที่ Karate Kids Gym


Wednesday, September 13, 2006

สไตล์ของคาราเต้

สไตล์ของคาราเต้ นั้นแตกออกเป็น 5 แนวทางใหญ่ๆ ได้แก่
1. โชโตกัน SHOTOKAN
2. โกจูริว GOJU-RYU
3. ชิโตริว SHITO-RYU
4. วาโดริว WADO-RYU
5. เคียวคุชิน KYUKUSHIN

สำหรับในบ้านเรานั้น มีการเรียนการสอนกัน อยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ โชโตกัน และ โกจูริว ซึ่งจะมีจุดเด่นคนละแบบ คาราเต้โชโตกัน กันนั้นมีจุดเด่น ที่ความเร็วในการจู่โจม และระยะ ในการต่อสู้ที่ไกล ส่วนคาราเต้โกจูริวนั้นจะเด่นที่ การผสมผสาน การหายใจเข้า กับกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดความแข็งแกร่ง แต่พื้นฐานการฝึกโดยรวมแล้ว ทั้งสองแบบมีความคล้ายคลึงกัน
คาราเต้เป็นอย่างไร? เมื่อหลายคน คิดถึงคาราเต้ ก็จะนึกถึงภาพ ผู้ชายกำลังใช้มือเปล่า ทำลายข้าวของ ต่างๆ อาทิ ไม้ อิฐ หิน ฯลฯ ด้วยอาการเหมือนกับ มีความแค้นกันมาตั้งแต่ บรรพบุรุษ รวมถึงการแข่งขัน ที่มักจะจบลงด้วย การน็อกเอ๊าท์ ทำให้คาราเต้ เป็นกีฬาที่มี ความรุนแรงมาก ในสายตาของบุคคลทั่วไป ที่ไม่ได้เข้ามาสัมผัส แต่ผู้รู้หลายท่าน กล่าวว่า คาราเต้นั้น ไม่ใช่เป็นเพียง การใช้ความรุนแรง ทำร้ายผู้อื่นเท่านั้น แต่เป็นวิถีการต่อสู้ ของมนุษย์ ที่รวมเอาทั้งร่างกาย และจิตใจ ของผู้ฝึกฝน เข้าไว้ด้วยกัน
การฝึกคาราเต้จะเน้นให้เกิดการพัฒนาร่างกาย ทำให้แข็งแกร่งขึ้น แน่นอนการฝึก ต้องเหนื่อย แต่เมื่อร่างกาย เทคนิค และกำลังใจ เมื่อพัฒนาถึงจุดหนึ่งแล้ว ผู้ฝึกก็จะมี ความเก่งกาจ ขนาด ทำลายอิฐ หลายๆก้อน ได้ด้วยการออกแรง เพียงครั้งเดียว แต่นั่นไม่ใช่จุดประสงค์ที่แท้จริงของคาราเต้
“จุดมุ่งหมาย ของคาราเต้ ก็คือ การฝึกจิตใจ ให้สามารถควบคุม ร่างกายได้ เมื่อผู้ฝึกได้ เรียนรู้ ถึงการใช้ความรุนแรง ก็จะสามารถเรียนรู้ ถึงการความคุมตัว ไม่ใช้ความรุนแรงได้เช่นกัน"
คาราเต้เป็นกีฬา ที่เล่นได้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ขึ้นอยู่กับ วัตถุประสงค์ ในการฝึก ของแต่ละคนว่า ต้องการให้ คาราเต้ เข้ามาผูกพัน กับชีวิตตัวเอง มากแค่ไหน ใครที่อยากเรียน คาราเต้ เพื่อการ ออกกำลังกาย หรือเรียน เพื่อศึกษาวิชา เอาไว้ป้องกันตัว ก็สามารถทำได้ ทั้งนั้นไม่มีข้อจำกัด ผู้เรียนไม่จำเป็น ต้องมีความแข็งแรงมาก ผู้ที่สุขภาพ ไม่ค่อยดี ก็สามารถเรียนได้ แม้แต่ผู้ ที่มีความพิการ ก็เรียนได้ ถ้ามีความพร้อม และความมุ่งมั่น แต่คุณสมบัติ ที่สำคัญ ของผู้ที่คิดจะเรียน คือการมีใจเปิดกว้าง พร้อมที่จะยอมรับ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่จำกัด ตัวเองอยู่กับ ความรู้เดิมที่มี อยู่ สำหรับระยะเวลา ในการเรียน บางคนอาจจะ ใช้เวลาถึง 7 ปี ในการไต่เต้า จากสายขาวไปถึง สายดำ แต่บางคน ก็อาจใช้เวลาเพียง 3 ปี ซึ่งจะขึ้นอยู่กับ ความขยัน ความสามารถ ของผู้เรียน ค่าใช้จ่าย ในการเรียนคาราเต้ ก็ไม่มาก อย่างที่หลายคนคิด มีเพียงชุดฝึก ราคาประมาณ 600 บาท กับค่าเรียน ตามสถานที่เรียน ซึ่งไม่แพงมากนัก นอกจากนั้น ก็แทบจะไม่มี ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เลย จึงเป็นกีฬา ที่เสียค่าใช้จ่าย ย่อมเยากว่า กีฬาที่มี ผู้นิยมเล่น อีกหลายๆประเภท
ถึงแม้ว่า คาราเต้ จะเป็นกีฬา ที่มีการฝึกที่เหนื่อย มีการปะทะ มีความรุนแรง และหนีไม่พ้นเรื่อง การต่อสู้ แต่การต่อสู้นั้นไม่ได้เป็นเพียงการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ ขณะเดียวกันก็เป็นการสู้ เพื่อเอาชนะตัวเอง ความยากลำบากเหล่านี้ ทำให้คาราเต้ เป็นกีฬาที่ไม่ได้รับความนิยม แต่อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นกีฬาที่มีเสน่ห์ และมีความท้าทายมาก ที่สุดชนิดหนึ่งไม่ใช่หรือ

Monday, September 11, 2006

ประโยชน์ที่จะได้รับ

1. สามารถป้องกันตัวเองได้
2. ทำให้สุขภาพแข็งแรงและเสริมสร้างบุคคลิกภาพ
3. พัฒนาด้านความคิดและจิตใจ
4. ทำให้มีระเบียบวินัย และรู้จักการอยู่ร่วมกันในสังคม
5. สำหรับเยาวชนที่มีความสามารถ สามารถคัดเลือกเป็นนักกีฬาโครงการช้างเผือกหรือนักกีฬาทีมชาติได้

การป้องกันตัวด้วยมือเปล่า

การป้องกันตัวด้วยมือเปล่า (MACHZHIMA SELFDEFENSE)
คือ เทคนิคการป้องกันตัวในชีวิตประจำวัน เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา และบุคคลวัยทำงาน เรียนง่ายเข้าใจเร็ว นำไปใช้ได้จริง เน้นฝึกจำลองสถานการณ์ให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง ได้แก่
การเคลื่อนที่/การหลบหลีก (Movement & avoid technique)
วิธีการปัดป้อง (Defense technique)
วิธีการตอบโต้ (Attack technique)
วิธีการคว้าจับ/วิธีการป้องกัน (Hold technique)
วิธีการทุ่ม/วิธีการป้องกัน (Throw technique)

เทควันโด (TAEKWONDO)

เทควันโด (TAEKWONDO)
เท แปลว่า เท้า
ควัน แปลว่า มือ
โด แปลว่า สติปัญญา
เทควันโด หมายถึง ศิลปะการใช้เท้าและมือด้วยสติปัญญา

คาราเต้-โด (KARATE-DO)

คาราเต้-โด (KARATE-DO)
KARA แปลว่า ความว่างเปล่า
TE แปลว่า มือ
DO แปลว่า วิถีทาง
KARATE-DO หมายถึง วิถีทางการต่อสู้และป้องกันตัวด้วยมือเปล่าโดยใช้สติปัญญา