สไตล์ของคาราเต้ นั้นแตกออกเป็น 5 แนวทางใหญ่ๆ ได้แก่
1. โชโตกัน SHOTOKAN
2. โกจูริว GOJU-RYU
3. ชิโตริว SHITO-RYU
4. วาโดริว WADO-RYU
5. เคียวคุชิน KYUKUSHIN
สำหรับในบ้านเรานั้น มีการเรียนการสอนกัน อยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ โชโตกัน และ โกจูริว ซึ่งจะมีจุดเด่นคนละแบบ คาราเต้โชโตกัน กันนั้นมีจุดเด่น ที่ความเร็วในการจู่โจม และระยะ ในการต่อสู้ที่ไกล ส่วนคาราเต้โกจูริวนั้นจะเด่นที่ การผสมผสาน การหายใจเข้า กับกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดความแข็งแกร่ง แต่พื้นฐานการฝึกโดยรวมแล้ว ทั้งสองแบบมีความคล้ายคลึงกัน
คาราเต้เป็นอย่างไร? เมื่อหลายคน คิดถึงคาราเต้ ก็จะนึกถึงภาพ ผู้ชายกำลังใช้มือเปล่า ทำลายข้าวของ ต่างๆ อาทิ ไม้ อิฐ หิน ฯลฯ ด้วยอาการเหมือนกับ มีความแค้นกันมาตั้งแต่ บรรพบุรุษ รวมถึงการแข่งขัน ที่มักจะจบลงด้วย การน็อกเอ๊าท์ ทำให้คาราเต้ เป็นกีฬาที่มี ความรุนแรงมาก ในสายตาของบุคคลทั่วไป ที่ไม่ได้เข้ามาสัมผัส แต่ผู้รู้หลายท่าน กล่าวว่า คาราเต้นั้น ไม่ใช่เป็นเพียง การใช้ความรุนแรง ทำร้ายผู้อื่นเท่านั้น แต่เป็นวิถีการต่อสู้ ของมนุษย์ ที่รวมเอาทั้งร่างกาย และจิตใจ ของผู้ฝึกฝน เข้าไว้ด้วยกัน
การฝึกคาราเต้จะเน้นให้เกิดการพัฒนาร่างกาย ทำให้แข็งแกร่งขึ้น แน่นอนการฝึก ต้องเหนื่อย แต่เมื่อร่างกาย เทคนิค และกำลังใจ เมื่อพัฒนาถึงจุดหนึ่งแล้ว ผู้ฝึกก็จะมี ความเก่งกาจ ขนาด ทำลายอิฐ หลายๆก้อน ได้ด้วยการออกแรง เพียงครั้งเดียว แต่นั่นไม่ใช่จุดประสงค์ที่แท้จริงของคาราเต้
“จุดมุ่งหมาย ของคาราเต้ ก็คือ การฝึกจิตใจ ให้สามารถควบคุม ร่างกายได้ เมื่อผู้ฝึกได้ เรียนรู้ ถึงการใช้ความรุนแรง ก็จะสามารถเรียนรู้ ถึงการความคุมตัว ไม่ใช้ความรุนแรงได้เช่นกัน"
คาราเต้เป็นกีฬา ที่เล่นได้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ขึ้นอยู่กับ วัตถุประสงค์ ในการฝึก ของแต่ละคนว่า ต้องการให้ คาราเต้ เข้ามาผูกพัน กับชีวิตตัวเอง มากแค่ไหน ใครที่อยากเรียน คาราเต้ เพื่อการ ออกกำลังกาย หรือเรียน เพื่อศึกษาวิชา เอาไว้ป้องกันตัว ก็สามารถทำได้ ทั้งนั้นไม่มีข้อจำกัด ผู้เรียนไม่จำเป็น ต้องมีความแข็งแรงมาก ผู้ที่สุขภาพ ไม่ค่อยดี ก็สามารถเรียนได้ แม้แต่ผู้ ที่มีความพิการ ก็เรียนได้ ถ้ามีความพร้อม และความมุ่งมั่น แต่คุณสมบัติ ที่สำคัญ ของผู้ที่คิดจะเรียน คือการมีใจเปิดกว้าง พร้อมที่จะยอมรับ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่จำกัด ตัวเองอยู่กับ ความรู้เดิมที่มี อยู่ สำหรับระยะเวลา ในการเรียน บางคนอาจจะ ใช้เวลาถึง 7 ปี ในการไต่เต้า จากสายขาวไปถึง สายดำ แต่บางคน ก็อาจใช้เวลาเพียง 3 ปี ซึ่งจะขึ้นอยู่กับ ความขยัน ความสามารถ ของผู้เรียน ค่าใช้จ่าย ในการเรียนคาราเต้ ก็ไม่มาก อย่างที่หลายคนคิด มีเพียงชุดฝึก ราคาประมาณ 600 บาท กับค่าเรียน ตามสถานที่เรียน ซึ่งไม่แพงมากนัก นอกจากนั้น ก็แทบจะไม่มี ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เลย จึงเป็นกีฬา ที่เสียค่าใช้จ่าย ย่อมเยากว่า กีฬาที่มี ผู้นิยมเล่น อีกหลายๆประเภท
ถึงแม้ว่า คาราเต้ จะเป็นกีฬา ที่มีการฝึกที่เหนื่อย มีการปะทะ มีความรุนแรง และหนีไม่พ้นเรื่อง การต่อสู้ แต่การต่อสู้นั้นไม่ได้เป็นเพียงการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ ขณะเดียวกันก็เป็นการสู้ เพื่อเอาชนะตัวเอง ความยากลำบากเหล่านี้ ทำให้คาราเต้ เป็นกีฬาที่ไม่ได้รับความนิยม แต่อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นกีฬาที่มีเสน่ห์ และมีความท้าทายมาก ที่สุดชนิดหนึ่งไม่ใช่หรือ
1. โชโตกัน SHOTOKAN
2. โกจูริว GOJU-RYU
3. ชิโตริว SHITO-RYU
4. วาโดริว WADO-RYU
5. เคียวคุชิน KYUKUSHIN
สำหรับในบ้านเรานั้น มีการเรียนการสอนกัน อยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ โชโตกัน และ โกจูริว ซึ่งจะมีจุดเด่นคนละแบบ คาราเต้โชโตกัน กันนั้นมีจุดเด่น ที่ความเร็วในการจู่โจม และระยะ ในการต่อสู้ที่ไกล ส่วนคาราเต้โกจูริวนั้นจะเด่นที่ การผสมผสาน การหายใจเข้า กับกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดความแข็งแกร่ง แต่พื้นฐานการฝึกโดยรวมแล้ว ทั้งสองแบบมีความคล้ายคลึงกัน
คาราเต้เป็นอย่างไร? เมื่อหลายคน คิดถึงคาราเต้ ก็จะนึกถึงภาพ ผู้ชายกำลังใช้มือเปล่า ทำลายข้าวของ ต่างๆ อาทิ ไม้ อิฐ หิน ฯลฯ ด้วยอาการเหมือนกับ มีความแค้นกันมาตั้งแต่ บรรพบุรุษ รวมถึงการแข่งขัน ที่มักจะจบลงด้วย การน็อกเอ๊าท์ ทำให้คาราเต้ เป็นกีฬาที่มี ความรุนแรงมาก ในสายตาของบุคคลทั่วไป ที่ไม่ได้เข้ามาสัมผัส แต่ผู้รู้หลายท่าน กล่าวว่า คาราเต้นั้น ไม่ใช่เป็นเพียง การใช้ความรุนแรง ทำร้ายผู้อื่นเท่านั้น แต่เป็นวิถีการต่อสู้ ของมนุษย์ ที่รวมเอาทั้งร่างกาย และจิตใจ ของผู้ฝึกฝน เข้าไว้ด้วยกัน
การฝึกคาราเต้จะเน้นให้เกิดการพัฒนาร่างกาย ทำให้แข็งแกร่งขึ้น แน่นอนการฝึก ต้องเหนื่อย แต่เมื่อร่างกาย เทคนิค และกำลังใจ เมื่อพัฒนาถึงจุดหนึ่งแล้ว ผู้ฝึกก็จะมี ความเก่งกาจ ขนาด ทำลายอิฐ หลายๆก้อน ได้ด้วยการออกแรง เพียงครั้งเดียว แต่นั่นไม่ใช่จุดประสงค์ที่แท้จริงของคาราเต้
“จุดมุ่งหมาย ของคาราเต้ ก็คือ การฝึกจิตใจ ให้สามารถควบคุม ร่างกายได้ เมื่อผู้ฝึกได้ เรียนรู้ ถึงการใช้ความรุนแรง ก็จะสามารถเรียนรู้ ถึงการความคุมตัว ไม่ใช้ความรุนแรงได้เช่นกัน"
คาราเต้เป็นกีฬา ที่เล่นได้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ขึ้นอยู่กับ วัตถุประสงค์ ในการฝึก ของแต่ละคนว่า ต้องการให้ คาราเต้ เข้ามาผูกพัน กับชีวิตตัวเอง มากแค่ไหน ใครที่อยากเรียน คาราเต้ เพื่อการ ออกกำลังกาย หรือเรียน เพื่อศึกษาวิชา เอาไว้ป้องกันตัว ก็สามารถทำได้ ทั้งนั้นไม่มีข้อจำกัด ผู้เรียนไม่จำเป็น ต้องมีความแข็งแรงมาก ผู้ที่สุขภาพ ไม่ค่อยดี ก็สามารถเรียนได้ แม้แต่ผู้ ที่มีความพิการ ก็เรียนได้ ถ้ามีความพร้อม และความมุ่งมั่น แต่คุณสมบัติ ที่สำคัญ ของผู้ที่คิดจะเรียน คือการมีใจเปิดกว้าง พร้อมที่จะยอมรับ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่จำกัด ตัวเองอยู่กับ ความรู้เดิมที่มี อยู่ สำหรับระยะเวลา ในการเรียน บางคนอาจจะ ใช้เวลาถึง 7 ปี ในการไต่เต้า จากสายขาวไปถึง สายดำ แต่บางคน ก็อาจใช้เวลาเพียง 3 ปี ซึ่งจะขึ้นอยู่กับ ความขยัน ความสามารถ ของผู้เรียน ค่าใช้จ่าย ในการเรียนคาราเต้ ก็ไม่มาก อย่างที่หลายคนคิด มีเพียงชุดฝึก ราคาประมาณ 600 บาท กับค่าเรียน ตามสถานที่เรียน ซึ่งไม่แพงมากนัก นอกจากนั้น ก็แทบจะไม่มี ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เลย จึงเป็นกีฬา ที่เสียค่าใช้จ่าย ย่อมเยากว่า กีฬาที่มี ผู้นิยมเล่น อีกหลายๆประเภท
ถึงแม้ว่า คาราเต้ จะเป็นกีฬา ที่มีการฝึกที่เหนื่อย มีการปะทะ มีความรุนแรง และหนีไม่พ้นเรื่อง การต่อสู้ แต่การต่อสู้นั้นไม่ได้เป็นเพียงการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ ขณะเดียวกันก็เป็นการสู้ เพื่อเอาชนะตัวเอง ความยากลำบากเหล่านี้ ทำให้คาราเต้ เป็นกีฬาที่ไม่ได้รับความนิยม แต่อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นกีฬาที่มีเสน่ห์ และมีความท้าทายมาก ที่สุดชนิดหนึ่งไม่ใช่หรือ
No comments:
Post a Comment